10 รถ hybrid ยอดนิยม ประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

รถ hybrid คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานทั้งจากเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยให้ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รถhybrid จะมีแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟได้เองขณะขับขี่ หรือจะชาร์จไฟจากภายนอกได้เช่นกัน อ่านเพิ่มเติม>ความรู้เรื่องรถ
ข้อดีของรถ hybrid
- ประหยัดน้ำมันมากกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปล่อยมลพิษน้อยกว่า
- ขับขี่ได้นุ่มนวลกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว
- มีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว
10 รถ hybrid ยอดนิยมในประเทศไทยประจำปี 2023
1.Toyota Corolla Cross 1.8 HEV

Toyota Corolla Cross 1.8 HEV มาพร้อมกับการออกแบบที่ทันสมัยและเรียบง่าย โดยมีกระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้า LED แบบโปรเจคเตอร์ และไฟท้าย LED แบบรมดำ ตัวรถมีขนาดกำลังพอดี เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองและการเดินทางระยะไกล ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT
Toyota Corolla Cross 1.8 HEV มาพร้อมกับฟีเจอร์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
- ระบบเตือนการออกนอกเลน (Lane Departure Alert)
- ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า (Pre-Collision System)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor)
- ระบบเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบกล้องมองภาพรอบคัน (Panoramic View Monitor)
- ระบบถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
ข้อดี
- ประหยัดน้ำมัน
- คุ้มค่าเงิน
- ฟีเจอร์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยครบครัน
- ห้องโดยสารกว้างขวาง
- ช่วงล่างนุ่มนวล
ข้อเสีย
- เครื่องยนต์อาจจะแรงไม่พอสำหรับบางคน
- ช่วงล่างสูง ทำให้รถอาจจะโคลงบ้างเมื่อเข้าโค้งเร็วๆ
- บางรุ่นอาจจะไม่มีหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ
ราคามาตรฐาน 999,000 บาท
2.Honda City e:HEV

ฮอนด้า ซิตี้ e:HEV ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด i-MMD (Intelligent Multi-Mode Drive) ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ระบบขับเคลื่อนแบบนี้จะทำงานโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักในการขับเคลื่อนรถ เครื่องยนต์เบนซินจะทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่และจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ในกรณีที่ต้องการกำลังมาก เช่น ขณะเร่งแซง เครื่องยนต์เบนซินจะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อให้ได้กำลังที่มากขึ้น
ข้อดีของฮอนด้า ซิตี้ e:HEV ได้แก่
- ประหยัดน้ำมัน
- แรงเกินคาด
- เทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน
- ห้องโดยสารกว้างขวาง
- ช่วงล่างนุ่มนวล
- อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
ข้อเสียของฮอนด้า ซิตี้ e:HEV ได้แก่
- ราคาสูง
- ไม่มีระบบเปิดประตูโดยไม่ต้องใช้กุญแจ
- ไม่มีระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย
ราคาเริ่มต้น 629,000-839,000 บาท
3. MG HS PHEV

สามารถชาร์จ MG HS PHEV ได้จากปลั๊กไฟมาตรฐานในครัวเรือน การชาร์จเต็มใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง คุณสามารถชาร์จ MG HS PHEV ได้ที่สถานีชาร์จสาธารณะได้ เครื่องชาร์จแบบเร็วสามารถชาร์จก้อนแบตเตอรี่ได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที
มีเหตุผลมากมายในการเลือก MG HS PHEV นี่เป็นเพียงไม่กี่:
- ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง: MG HS PHEV ประหยัดน้ำมันอย่างเหลือเชื่อ ในโหมดไฟฟ้า สามารถเดินทางได้ไกลถึง 67 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเมื่อคุณต้องการใช้เครื่องยนต์เบนซิน มันยังคงมีประสิทธิภาพมาก โดยทำได้เกิน 20 กม./ลิตร ในการขับในเมืองและบนทางหลวงรวมกัน
- ประสิทธิภาพ: MG HS PHEV ก็ทรงพลังเช่นกัน กำลังรวมของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซินอยู่ที่ 284 แรงม้า และแรงบิด 480 นิวตันเมตร ซึ่งหมายความว่า MG HS PHEV สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.5 วินาที
- คุณสมบัติ: MG HS PHEV มาพร้อมกับคุณสมบัติมาตรฐานมากมาย เช่น แผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ซันรูฟแบบพาโนรามา และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
ราคาเริ่มต้น 919,000 – 1,379,000
4. Honda Accord e:HEV

ฮอนด้า แอคคอร์ด e:HEV เป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นเรือธงจากฮอนด้า มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตหรูหรา, เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING และขุมพลังไฮบริดประสิทธิภาพสูง ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม ใช้ขุมพลังไฮบริด e:HEV ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 145 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุดรวม 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ระบบเกียร์เป็นแบบอัตโนมัติ E-CVT ซึ่งส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า Accord e:HEV สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.93 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
เทคโนโลยีความปลอดภัย
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (CMBS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามคันหน้าอัตโนมัติ (ACC)
- ระบบป้องกันการออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM)
- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อเปลี่ยนเลน (LWC)
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (BSI)
- ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (CTM)
ราคาเริ่มต้น 1,499,000 บาท
5. Mitsubishi Outlander PHEV

มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ ปลั๊กอินไฮบริด ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ประหยัดเชื้อเพลิง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบาย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และใส่ใจสิ่งแวดล้อม มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากมาย เช่น
- ระบบขับเคลื่อน S-AWC (Super All Wheel Control) ที่ช่วยให้รถยนต์สามารถยึดเกาะถนนได้ดีในทุกสภาพอากาศ
- ระบบเบรกอัตโนมัติฉุกเฉิน (FCM) ที่ช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
- ระบบเตือนมุมอับสายตา (BSW) ที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถยนต์เข้ามาในมุมอับสายตา
- ระบบเตือนการออกนอกเลน (LDW) ที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถยนต์กำลังจะออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วได้อย่างสม่ำเสมอและปลอดภัย
ข้อดีของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี
- ประหยัดเชื้อเพลิง
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
- เหมาะสำหรับครอบครัว
- มีพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง
ข้อเสียของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี
- ราคาสูงกว่ารถยนต์อเนกประสงค์ทั่วไป
- ต้องใช้เวลาในการชาร์จไฟฟ้า
ราคาเริ่มต้น 1,640,000 บาท
6. Toyota Corolla Altis HEV

Toyota Corolla Altis HEV เป็นรถยนต์ไฮบริดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เนื่องจากให้ทั้งความประหยัดน้ำมันและประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน จึงเป็นรถยนต์ที่เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ มีประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ให้ความเร่งแซงที่ดีและอัตราเร่งที่ราบรื่น นอกจากนี้ยังประหยัดน้ำมันมากถึง 24.1 กม./ลิตร ในการขับขี่ในเมือง และ 26.5 กม./ลิตร ในการขับขี่บนทางหลวง
ข้อดี
- ประหยัดน้ำมันมาก
- ประสิทธิภาพการขับขี่ดี
- เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง
- อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
- การออกแบบทันสมัย
ข้อเสีย
- ราคาสูง
- ช่วงล่างแข็งไปเล็กน้อย
7.Nissan Kicks e-POWER

เอสยูวีไฟฟ้าประหยัดน้ำมันอันดับ 1นิสสัน Kicks e-POWER คือรถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าแบบซีรีส์ไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันอันดับ 1 มาพร้อมกับเทคโนโลยี e-POWER ที่ให้สมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมและประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร เทคโนโลยี e-POWER คือระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% โดยเครื่องยนต์เบนซินจะทำหน้าที่เป็นเพียงเครื่องปั่นไฟเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้ Kicks e-POWER ประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถยนต์ไฮบริดทั่วไปอย่างมาก
ข้อดีของนิสสัน Kicks e-POWER
- ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร
- สมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100%
- ปล่อยมลพิษน้อยเป็นพิเศษ
- มีระบบความปลอดภัยครบครัน
- ดีไซน์สปอร์ตและทันสมัย
ข้อมูลจำเพาะของนิสสัน Kicks e-POWER
- เครื่องยนต์: เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร ทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟ
- แบตเตอรี่: ลิเธียมไอออนความจุ 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
- ระบบขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนล้อหน้า
- อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง: 10.6 วินาที
- ความเร็วสูงสุด: 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบความปลอดภัยของนิสสัน Kicks e-POWER
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Intelligent Emergency Braking (IEB)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Intelligent Forward Collision Warning (IFCW)
- ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor (BSW)
- ระบบเตือนรถขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้คงอยู่ในเลน Lane Departure Warning (LDW)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Prevention (LDP)
- ระบบช่วยควบคุมแรงดึงล้อ Traction Control System (TCS)
- ระบบช่วยทรงตัว Vehicle Dynamic Control (VDC)
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และถุงลมนิรภัยม่านข้าง
ราคาเริ่มต้น 779,900 บาท
8. Toyota C-HR Hybrid

Toyota C-HR Hybrid 2023 คือ รถครอสโอเวอร์ไฮบริดขนาดเล็ก ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่นและทันสมัย ภายในกว้างขวาง เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมัน และขับขี่สนุก เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกล มีดีไซน์ที่โดดเด่นและทันสมัย ไฟหน้าแบบ LED ดีไซน์เฉียบคม กระจังหน้าขนาดใหญ่ และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว เสริมด้วยหลังคาทรงลาดเท และไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว
Toyota C-HR Hybrid 2023 มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ครบครัน เช่น
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- ระบบเตือนมออกนอกเลน
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
- ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ
- ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
ข้อดี
- ดีไซน์ที่โดดเด่นและทันสมัย
- ภายในกว้างขวาง
- เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมัน
- ขับขี่สนุก
- ระบบความปลอดภัยครบครัน
ข้อเสีย
- ช่วงล่างอาจแข็งไปบ้างสำหรับบางคน
- ห้องเก็บสัมภาระค่อนข้างเล็ก
ราคาเริ่มต้น 1,139,000 บาท
9. Nissan X-Trail Hybrid

นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด SUV อเนกประสงค์ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีไฮบริดล่าสุดจากนิสสัน มอบความประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 20.7 กิโลเมตรต่อลิตร และสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง พร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยครบครัน เหมาะสำหรับทุกครอบครัว SUV อเนกประสงค์ ประหยัดน้ำมัน 100% เป็นรถยนต์ SUV อเนกประสงค์ ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด โดยผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีที่สุด มอบความประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 20.7 กิโลเมตรต่อลิตร และสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง
จุดเด่นของนิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด
- ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 20.7 กิโลเมตรต่อลิตร
- สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง
- ฟีเจอร์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยครบครัน
- ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบายได้สูงสุด 7 ที่นั่ง
- พื้นที่เก็บสัมภาระมากมาย
10. Lexus ES 300h

Lexus ES 300h เป็นรถยนต์ซีดานหรูขนาดกลางที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก ด้วยการออกแบบที่โดดเด่น สง่างาม ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย พร้อมด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดที่ให้กำลังแรง ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่น สง่างาม ด้วยกระจังหน้าทรงกระสวยขนาดใหญ่ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่ ล้อแม็กขนาด 17-19 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวม 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
ข้อดีข้อเสียของ Lexus ES 300h
ข้อดี:
- ดีไซน์ภายนอกและภายในที่สวยงาม หรูหรา
- เครื่องยนต์แรง ประหยัดน้ำมัน
- ระบบความปลอดภัยครบครัน
- อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
ข้อเสีย:
- ราคาสูง
- ช่วงล่างนุ่มนวล อาจไม่เหมาะกับคนที่ชอบขับรถเร็ว
- ระบบอินโฟเทนเมนต์อาจใช้งานยากเล็กน้อย
ราคาเริ่มต้น 3,625,000 บาทamet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.
วิธีเลือกซื้อรถ hybrid
ในการเลือกซื้อ รถ plug in hybrid ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- งบประมาณ: รถ hybrid มีราคาที่สูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว แต่ในระยะยาวจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากค่าน้ำมันและค่าบำรุงรักษา
- ความต้องการใช้งาน: ควรพิจารณาว่าต้องการรถยนต์แบบใด เช่น รถยนต์เก๋ง รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์ SUV เป็นต้น
- อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน: ควรเลือกซื้อรถ hybrid ที่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำ เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
- ระยะเวลาการรับประกัน: ควรเลือกซื้อรถ hybrid ที่มีระยะเวลาการรับประกันยาวนาน เพื่อความอุ่นใจในการใช้งาน
รถ hybrid เป็นรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดและเป็นห่วงสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันมีรถ hybrid หลากหลายรุ่นให้เลือกซื้อ ซึ่งมีทั้งรถยนต์เก๋ง รถยนต์อเนกประสงค์ และรถยนต์ SUV จึงสามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการใช้งาน